ผลงานทัศนศิลป์สมัยสุโขทัย




           
                     ศิลปกรรมสมัยสุโขทัยเริ่มตั้งแต่เมื่อพ่อขุนศรีอินทราทิตย์สถาปนากรุงสุโขทัยเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่ขอมเมื่อราว พ.ศ.1800 หลังจากนั้นก็มีการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ขึ้นมาอย่างมากมาย แต่เดิมนั้นสุโขทัยได้รับอิทธิพลการนับถือศาสนาและแบบอย่างศิลปกรรมจากพวกขอม
                     ต่อมาจึงได้สร้างผลงานทัศนศิลป์ใน พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทสัทธิลังกาวงศ์มีการออกแบบสร้างงานทัศนศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตนเองที่ถือว่ามีความงดงามมากที่สุดสมัยหนึ่งของไทย โดยเฉพาะพระพุทธรูป และสถูปเจดีย์ต่างๆ มรดกศิลปกรรมสมัยสุโขทัยเป็นผลงานทัศนศิลป์ที่มีคุณค่า และมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในด้านแนวคิด รูปแบบ และเนื้อหา 



ด้านจิตรกรรม

              ในสมัยสุโขทัย ภาพจิตรกรรมมีทั้งภาพลายเส้นและภาพเขียนสี โดยเฉพาะการเขียนภาพลายเส้นสลักบนแผ่นหินชนวน ประดับมณฑปวัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย



                       เป็นภาพชาดกที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะลังกา โดยเฉพาะรูปเทวดาจะมีลักษณะใกล้เคียงกับศิลปะของลังกาอย่างมาก สำหรับจิตรกรรมฝาผนังนั้นจะต่างไปจากภาพลายเส้น สีที่ใช้เป็นสีแบบดำ แดง ที่เรียกว่า สีเอกรงค์(Monochrome) ภาพเขียนที่สำคัญ คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรูปบางมารวิชัย ในเจดีย์วัดเจดีย์เจ็ดแถว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัยซึ่งเป็นภาพที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดีย ลังกา และเขมรผสมกัน แต่ก็มีลีลาลายเส้นที่มีความอ่อนช้อยตามแบบฉบับของศิลปะสุโขทัยแฝงอยู่ด้วย โดยเป็นภาพอดีตพระพุทธเจ้าประทับนั่งเรียงเป็นแถว 28 พระองค์ มีภาพเทวดาและกษัตริย์นั่งห้อมล้อมสลับกันไป สีที่ใช้มีสีดำและสีแดงเป็นส่วนใหญ่

ด้านประติมากรรม
                        ผลงานทางด้านประติมากรรมที่สำคัญในสมัยสุโขทัย ได้แก่การทำเครื่องสังคโลก และการสร้างพระพุทธรูป ทางด้านการทำเครื่องสังคโลกถือเป็นผลงานการสร้างสรรค์ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ นอกเหนือจากากรทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีอยู่เดิม โดยได้รับการถ่ายทอดวิทยาการมาจากประเทศจีน เครื่องสังคโลกที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องใช้สอยในชีวิตประจำวัน ประดับตกแต่งศาสนสถาน และส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ โดยมากทำเป็นจาน ชาม ไห แจกัน ตุ๊กตา เครื่องตกแต่ง มีเนื้อละเอียด เข่น รูปช้างศึก ตุ๊กตา เจดีย์ ส่วนใหญ่มีสีน้ำตาล สีน้ำตาลปนเหลือง สีเขียว สีเขียวไข่กา และสีขาวทึบ


 ด้านสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมที่สำคัญของสุโขทัย ประกอบด้วย เจดีย์ อาคาร วิหาร อุโบสถ
                  1) เจดีย์ เจดีย์แบบสุโขทัย ฐานจะเป็นสี่เหลี่ยม 3 ชั้นตั้งซ้อนกัน องค์เจดีย์มีลักษณะเป็นทรงกลมหรือย่อมุมแบบเหลี่ยม มีซุ้มจระนำ ปลายเจดีย์จะทำเป็นรูปทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือดอกบัวตูม เช่น พระเจดีย์องค์ใหญ่ ที่วัดมหาธาตุ สุโขทัย พระเจดีย์องค์กลางที่วัดเจดีย์เจ็ดแถว เมืองศรีสัชนาลัย เป็นต้น


                        2) อาคาร อาคารที่ยังหลงเหลืออยู่มีลักษณะเป็นอาคารโถงหรืออาคารที่มีฝาผนัง มีหลังคาซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้นๆ ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทางด้านหน้าก่อเป็นมุขยื่นออกมา มีบันไดขึ้นสองข้าง เช่น วิหารที่วัดสวนแก้วอุทยานน้อย เมืองศรีสัชนาลัย เป็นต้น สำหรับอาคารที่ก่อด้วยศิลาแลง หลังคาจะใช้ศิลาแลงเรียงซ้อนเหลื่อมกันขึ้นไปจนถึงขั้นสูงสุดที่ไปบรรจบกัน ส่วนสถาปัตยกรรมรูปทรงอาคารที่ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม จะมีหลักคาเป็นชั้นแหลมลดหลั่นกันไปถึงยอดทำเป็นชั้นประมาณ 3 ชั้น เรียกว่า “มณฑป” มีทั้งแบบที่มีผนังและแบบมีโถง เข่น มณฑปวัดศรีชุม เป็นต้น
                      3) วิหาร มีลักษณะใหญ่กว่าโบสถ์ ทำเป็นกำแพงทึบแล้วเจาะหน้าต่างเป็นช่องเล็กๆ มีลูกกรงทำด้วยอิฐหรือดินเผาปั้นเป็นลูกแก้วกั้น เพื่อให้แสงลอดเข้าไปข้างในได้ แบ่งได้ออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ
           3.1) วิหารแบบแรก มีโครงสร้างอาคารแบบผนังเปิดโล่งหรือวิหารโถง สร้างอยู่บนผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยกระดับขึ้นไปจากพื้นเล็กน้อยช่องผนังของวิหารมีการก่อฐานสูงขึ้น เพื่อทำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป วิหารด้านข้างมีแนวเสาร่วม ทำหน้าที่รองรับตัวไม้ส่วนที่เป็นโครงสร้างของหลังคาประธาน และเสาชั้นนอกซึ่งเรียงรายเป็นแถวถัดออกมารองรับหลักคาปีกนก วิหารที่ปลูกสร้างในลักษณะนี้ เช่น วิหารวัดมหาธาตุ วิหารวัดศรีชุม วิหารวัดช้างล้อม วิหารพระอัฏฐารส และวิหารวัดเจดีย์เจ็ดแถว เป็นต้น
            3.2) วิหารแบบที่สอง มีโครงสร้างแบบมีผนังก่อล้อมทั้ง 4 ด้าน ภายในวิหารด้านหลังก่อเป็นฐานยกพื้นสูงไว้ประดิษฐานพระประธาน ด้านหน้าวิหารจะมีมุขยื่นออกมาแบบ มุขโถง ส่วนผนังด้านข้างทั้งสองของวิหารในแต่ละช่องเสาจะทำเป็นช่องแบบ “ลูกมะหวด” เพื่อให้แสงเข้า เช่นวิหารวัดศรีสวาย วัดนางพญา ซึ่งผนังด้านนอกมีการตกแต่งด้วยผลงานปูนปั้นอย่างสวยงาม เป็นต้น


                          4) โบสถ์หรือพระอุโบสถ สมัยสุโขทัยจะก่อด้วยโครงสร้างศิลาแลงฉาบปูนโครงสร้างหลังคานิยมเรียงด้วยก้อนศิลาเหลี่ยมซ้อนกันเป็นรูปกลับบัว หรือเรียงตั้งแต่ใหญ่ไปหาเล็ก เป้นทรงยอดมณฑป นอกจากนี้ก็มีโบสถ์ที่มีโครงสร้างเป็นไม้แบบศาลาโถง มีหลักคาปีกนกคลุมต่ำ ไม่มีบานหน้าต่าง แต่เจาะผนังเป็นลูกกรงประดับด้วยปูนปั้น เช่น ผนังวิหารวัดนางพญา เมืองศรีสัชนาลัย เป็นต้น เครื่องบนหลังคาของโบสถ์หรืออุโบสถสมัยสุโขทัยจะมีการประดับด้วยเครื่องสังคโลก เช่น ช่อฟ้า บราลี เป็นต้น โบสถ์สุโขทัยแทบทุกหลังจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เช่น โบสถ์วัดมหาธาตุ โบสถ์วัดนางพญา เมืองศรีสัชนาลัย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสถาปัตยกรรมอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งยังคงเหลือร่องรอยมาจนถึงปัจจุบัน คือ กำแพงเมืองซุ้มประตู ป้อมปราการ โดยกำแพงเมืองจะมีการขุดคูล้อมรอบ ตัวอย่างที่เห็นได้เด่นชัด เช่น กำแพงเมืองเก่าสุโขทัย กำแพงและป้อมทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร เป็นต้น




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น